ARTISTS & THEIR SIDE PROJECTS

567x567_Cover_Photo.jpg

10 ศิลปินไทยไร้งานดนตรีกับอาชีพเสริมฝ่าวิกฤตโควิดที่ปราศจากการเยียวยา 

เมื่อผับบาร์เขาสั่งปิด นักดนตรีก็ปราศจากเวที งานคอนเสิร์ตทั่วไปยังเดินหน้าจัดไม่ได้ พวกเราจึงชวนศิลปินไทยมาพูดคุยถึงโปรเจกต์ลับที่ไม่ลับว่าพวกเขาแอบทำธุรกิจอะไรกันบ้างเพื่อหารายได้เสริมในช่วงวิกฤต COVID-19 ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ไร้การเยียวยา และสูญเสียรายได้หลักที่ควรได้


1_dara rasmi.jpg

1 : ตั้ม - โตคิณ ทีฆานันท์ | ดารารัศมี Dara Rasmi

ร้านจับหูชนปาก (Japhoochonpak) เป็นร้านขายแผ่นเสียงมือสองย่านพรานนกที่มีบาร์ขนาดเล็กๆ ให้นั่งฟังเพลง ทานอาหาร แลกเปลี่ยนบทสนทนากัน คล้ายกับพื้นที่ social club แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดตอนนี้ไม่ค่อยปกติ เราเลยเปิดร้านเป็นแบบไพรเวท นัดจองล่วงหน้าโดยแจ้งวัน-เวลาและจำนวนคนก่อนเข้า ช่วงนี้มีลูกค้าหรือเพื่อนนักดนตรีแวะเวียนเข้ามาทักทายบ้าง และกำลังอัดอัลบั้มเต็มของวงดารารัศมีไปด้วย ส่วนตัวยังรับงานออกแบบดีไซน์ต่างๆ ทั้งโปสเตอร์ ปกซีดีหรือกราฟฟิกให้กับค่ายเพลงควบคู่ไปกับการกำกับ music video สไตล์ low fidelity (Lo-fi) ผลงานที่ผ่านมาก็มี ‘แค่เพียง’ - Yellow Fang, ‘D-OK’ - Summer Dress, ‘อย่าไห้เด้’ - Srirajah Rockers feat. Rasmee ฯลฯ www.tokinteekanun.com เว็บไซต์นี้จะรวบรวมชิ้นงานของผมไว้แล้วครับ


2_JA hariguem.jpg

2 : จ้า - รังสิมันตุ์ สุวิรัตนภัส | Hariguem Zaboy - ฮาริกึ่ม​ ซาโบ้ย

เวลาว่างของผมส่วนใหญ่จะหมดไปกับการดูหนังและกีฬา บางวันดูหนังวันละ 3-4 เรื่อง ก็มี ส่วนกีฬาจะชื่นชอบฟุตบอลและเบสบอลเป็นพิเศษ ผมแทบไม่เคยพลาดการดูเบสบอลทุกเช้ามาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว และด้วยความที่รักการดูหนังมากจึงทำให้เกิดงานอดิเรกอย่างการสะสมโปสเตอร์ภาพยนตร์ เราจะเก็บของแท้แทบทั้งหมด ตรงปีฉาย ส่วนใหญ่ผลิตใน USA มีจากฝรั่งเศสกับญี่ปุ่นมาบ้างนิดหน่อย พอเก็บไว้เยอะเกิน ล้นตู้ แล้วเรารู้วิธีการหาของก็เลยอยากลองสั่งโปสเตอร์มาลงขายในร้าน I Need Some Posters กำไรที่ได้ก็เอามาซื้อโปสเตอร์และแผ่นเสียงเข้า collection ส่วนตัว แทบไม่ได้เอาเงินไปใช้อย่างอื่นเลยครับ (หัวเราะ) ถ้าให้แนะนำหนังสักเรื่อง อยากให้ลองดูผลงานของ Robert Altman ผมชอบผู้กำกับคนนี้มาก หรือถ้าไม่รู้จะเริ่มจากเรื่องไหนก่อนแนะนำ Short Cuts, The Long Goodbye ไม่ก็งานกำกับของ Sidney Lumet, Sydney Pollock, Woody Allen ใครสายทดลองหน่อยก็ Kenneth Anger, Stan Brakhage น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและสนุกสำหรับทุกคนครับ


3_two pills (new).jpg

3 : ลิตเติ้ล - คัมภิรดา แก้วมีแสง | TWO PILLs AFTER MEAL

ประมาณต้นปี 2019 เราเริ่มสนใจศิลปะงานเย็บปัก เพราะเลื่อนดูภาพจาก Pinterest แล้วเผอิญเจอสไตล์ที่ใช่ คิดว่าอุปกรณ์ที่ใช้ก็น้อยดูชิ้น มีแค่เข็ม ด้าย ผ้าและสะดึงก็สามารถสร้างงานได้เลย เรามีไอเดียที่เริ่มจากการฝึกเดินเส้นด้ายธรรมดา ลองปักเนื้อเพลงพร้อมคอร์ดกีตาร์ลงบนเสื้อเชิ้ตตัวยาว จนเริ่มมีคนสนใจสั่งให้ปักเพลงที่เขาชอบดู พอโควิดระลอกแรกประกาศล็อกดาวน์ ด้วยความที่เราอยู่ขอนแก่นยาวๆ แถมว่างมากเลยตั้งแบรนด์ YEP ใน IG รับงานตามออเดอร์และทำชิ้นงานของตัวเองวางขาย ไอเดียส่วนใหญ่มาจากเพลงหรือหนังที่ชอบ เฟรมที่ดูแล้วเห็นภาพรวมว่าจะใช้เทคนิคหรือวัสดุอะไรดีนะ เดินเส้น ปักทึบ ลงแสงเงาหรือเปล่า หรือใช้ลูกปัดให้มีเทกซ์เจอร์ เวลาปักผ้าเราจะจดจ่อมีสมาธิได้เป็นวันๆ ความท้ายทายอยู่ที่เราจะจบงานออกมายังไง ส่วนตัวเราไม่ได้เรียนวาดรูปมาโดยตรง อาศัยสังเกตภาพต้นฉบับเอา เวลาปักรูปคนจะกดดันสุดแต่ก็สนุกสุดด้วย ถ้าทำได้จะรู้สึกชนะ(ตัวเอง) ทันทีค่ะ (หัวเราะ)


4_ napan.jpg

4 : ณป่าน - ณป่าน พิชัยกุล | Hariguem Zaboy - ฮาริกึ่ม ซาโบ้ย, Scoutland, N a p a n

สองปีที่ผ่านมาค่อนข้างมีปลกระทบต่อวงการดนตรีมาก กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนในช่วงนี้ ผมลงแรงกายไปกับการเปิดคอร์สสอน guitar harmony และการวาดรูป รวมถึงศิลปะสไตล์ collage ตัดแปะภาพสไตล์มิกซ์มีเดีย ใช้การสังเกตว่าเราเห็นสิ่งอะไรที่อยู่ตรงหน้าแล้วน่าสนใจ วาดไปวาดมาจนเพื่อนๆ ทาบทามให้ช่วยทำปกอัลบั้มบ้าง โปสเตอร์บ้าง อย่างสมุด zine ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากวงดนตรีที่เราชอบ โดยเฉพาะวงอินดี้ยุค 80s-90s เช่น Raymond Pettibon, Daniel Johnston, Robert Pollard, David Fair ล่าสุดมีผลงานที่ออกมาในรูปแบบ product อย่าง dinosaur socks ล็อตแรกหมดไปเป็นที่เรียบร้อย (ไวเกิน) ยังไงรอติดตามคอลเลกชั่นใหม่เร็วๆ นี้นะครับ ส่วนตัวชอบใส่ถุงเท้ามีลวดลายบวกกับเล่นสเก็ตบอร์ดอยู่แล้ว ด้านคุณแม่และน้องชายของผมก็กำลังทำร้านเบเกอรี่ SWEET DUDE BY NOI วางขายอยู่ที่หน้าร้านกาแฟอินทนิล สาขาถนนรถไฟเก่า ย่านพระประแดง สั่งผ่านแอพ LineMan และ Robinhood ได้เลยนะ


5_wave and so.jpg

5 : โอ๊ต - นิพัฒน์ ศรีสวัสดิ์ | Wave And So, nipat newwave

สวัสดีครับ ผมชื่อโอ๊ต เป็นนักร้อง-มือกีตาร์วง Wave And So ผมไม่ได้ออกไปเล่นดนตรีนานจนรู้สึกเศร้าเล็กน้อยบางที ช่วงนี้เลยได้แค่เขียนเพลงทำเพลงเก็บไว้ พอได้จังหวะ work from home เหมือนความเครียดต่อการทำงานก็ลดน้อยลง ได้คิดถึงเรื่องของตัวเองมากขึ้น เมื่อไม่นานนี้เราพึ่งลองเข้าวงการ NFTart หรือการขายรูปวาด งานศิลปะ ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ด้วยเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (cryptocurrency) สินค้าที่เราขายก็เป็นสินทรัพย์ดิจิตอล NFTart อธิบายคือการที่เราผลิตผลงานที่มีอัตลักษณ์หรือมูลค่าของตัวเองส่งขึ้นไปบนระบบ blockchain เพื่อรอคนมาเทรด ซื้อขายงานของเราไป opensea เว็บนี้สมชื่อเลย เหมือนทะเลใหญ่ที่เปิดกว้าง คนขายงานก็เยอะมากเช่นกันเราคิดว่ามันเป็นโอกาสสำหรับคนที่พอมีความครีเอทีฟ ได้ลองทำอะไรที่อยากทำ รายได้ก็ค่อนข้างดีทีเดียว อยากให้ทุกคนลองศึกษาดูครับ (เพราะผมค่อนข้างอิน) วางแผนทำ pr คิดคอนเซ็ปต์ ผมมองว่าเป็นอาชีพใหม่ของยุคนี้เลย ผู้คนจะอยู่บ้านมากขึ้น digital product คือสิ่งที่โลกต้องการในอนาคตแน่นอน สนุกจนบางทีแอบลืมจับกีตาร์ไปเลย Wave And So กำลังปล่อยผลงานพร้อมกับโปรเจคเดี่ยว nipat newwave อีก 2-3 เพลงใหม่ในปีนี้ ฝากด้วยนะ ขอบคุณครับ


6_hope the flowers.jpg

6 : ฮอน - ณรงค์ฤทธิ์ อิทธิพลนาวากุล | Hope the flowers

สวัสดีครับ ผมฮอน-ณรงค์ฤทธิ์ จากวง Hope the flowers และเจ้าของร้าน Ageha Cafe ปัจจุบันเราเปิดร้านคาเฟ่มาได้ 5 ปีแล้ว มีประสบการณ์การทำงานสาย production 8 ปี ช่วงเวลาใกล้เคียงกับการทำวงดนตรี ตั้งแต่วิกฤต COVID-19 รอบแรก เรารู้ตัวทันทีเลยว่าต้องปรับตัวและเปลี่ยนวิธีการทำงานของวง โดยเริ่มจากการเร่งทำอัลบั้มที่ 3 ให้สำเร็จภายในช่วงที่ทุกคนยังไม่เริ่มทำ live session ซึ่งอัลบั้ม ‘Sonorous Faith PT.1’ ได้เสร็จทันการ กลายเป็นโอกาสใหญ่ของวง Hope the flowers ที่เราได้รับเงินบริจาคและมีรายได้จากการไลฟ์ออนไลน์ทั่วโลก พอถึงวิกฤตครั้งที่สอง พวกเราพยายามทำวงดนตรีให้เป็น product หรือสินค้า สำหรับผมต้องเป็นทั้งศิลปินและพ่อค้าแม่ขายได้ด้วย จึงเริ่มต้นด้วยการออกผลิตภัณฑ์มา 2 อย่าง

อย่างแรก เราอยากให้เทียนหอมเป็นการนำพาอารมณ์ของบทเพลงและกลิ่นของดอกไม้มาสร้างบรรยากาศร่วมกับผู้ใช้ไปพร้อมๆ กัน โดยมี 3 กลิ่นหลักคือ “Blessing From Star” (lavender), “Loneliness” (chamomile) และ “Rewind Nature” (peppermint) หนึ่งในตัวแทนจากชื่อเพลงทั้ง 3 อัลบั้ม และอีกไลน์สินค้าคือ เมล็ดกาแฟแห่งความหวัง (Coffee is Everything) หยอกล้อกับชื่ออัลบั้มแรกของพวกเรา ‘Nature of Everything’ ความพิเศษคือการทำโปรเจกต์ร่วมกับโรงคั่วกาแฟที่ชื่อว่า Nowhere coffee brewers ในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นเมล็ดกาแฟคัดสรรพันธุ์เหลืองน้ำนม รสชาติเปรี้ยวบาง หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ เราตั้งใจว่าจะนำสินค้ามาลงขายใน Ageha Cafe คาเฟ่ที่เปรียบเป็น Hub ของชีวิตคนดนตรี ไปจนถึงการรวมงานอดิเรกและงานที่ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของตัวเองและทุกคนให้ได้ในอนาคตฮะ


7_rave botanical.jpg

7 : เม (Mae Happyair) | Founder of NON NON NON

Rave Botanical เกิดจากการทดลองในสวนข้างบ้าน ส่วนตัวเมเป็นคนชอบปลูกต้นไม้มาก เพื่อนคือรู้กันไม่ว่าเมจะย้ายบ้านไปกี่ที่ ทุกที่คือต้องมีต้นไม้ ตอนแรกที่เริ่มอินกับต้นไม้เลย ตายแล้วซื้อใหม่ๆ วนไปจนเรามานึกได้ว่ามันควรมีตัวช่วยสำหรับคนที่ปลูกต้นไม้ในบ้าน แล้วต้องปลอดภัยต่อสัตว์ด้วย เพราะเราเลี้ยงน้องแมว 4 ตัว เขาชอบกัดแทะต้นไม้เล่นอยู่ตลอดเวลา ก็เลยคิดค้นทำเร่งโตก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากคิดค้นสูตรเร่งโตและสูตรรักษาโรคเพื่อทดลองกับต้นไม้ตัวเองแล้วเห็นว่ามันโตวันโตคืน เราก็เลยอยากแบ่งปันให้เพื่อนใช้ก่อน แฟนบอกว่าเอาใส่ขวดไม่ต้องมีฉลากอะไร แต่เวลาทำสวน มันมีเรื่องราวซ่อนอยู่ เรามองว่าการทำสวนปลูกต้นไม้มันไม่ใช่เรื่องของคนมีอายุเสมอไป อยากให้คนที่อายุไล่เลี่ยกับเรา หรือเด็กลงไปอีกได้เข้าถึงธรรมชาติมากขึ้น การออกแบบ packaging design อยากให้เด็กๆ เห็นแล้วชอบ ต่อมาเป็นกลุ่มผู้ปกครองหรือสายครีเอทีฟที่ถูกใจผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค Rave Botanical ชื่อนี้มีที่มาจากตัวตนของเราทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน เราเป็นดีเจขาแดนซ์ เปิดเพลงในคลับ เคยเรฟกันทุกสุดสัปดาห์ ก็เลยเอาคำว่า ‘Rave’ มาแปะไว้ เป็นป่าสำหรับคนครีเอทีฟ พ่วงสีสันและความสนุกสนาน

ปกติเมเป็นคนชอบทำอะไรเกินๆ อยู่แล้วด้วยนิสัย (หัวเราะ) ไม่ว่าเรื่องอะไร อยากล้นออกจากกรอบอีกนิด ทดลองดูว่ามันจะไปต่อได้ไหม เพราะเราทำงานสายครีเอทีฟ คำว่าเรื่องเก่าถูกเอามาเล่าใหม่ เป็นสิ่งที่เราทำอยู่ตลอดเวลา การเลี้ยงต้นไม้ก็เหมือนกัน ใครๆ ก็เลี้ยงต้นไม้นะ แต่เราจะเล่าเรื่องราวยังไงให้ดูน่าสนใจ เมเปลี่ยนพื้นที่ทำงานที่เคยเล่าความหมายเกี่ยวกับเพลงมาเป็นแบรนด์ของเราเอง แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความเป็นตัวเราคนเดิม Mae Happyair ต้องสนุก มีความสุขและมอบ positive energy ให้เสมอ <3

*Special code for HAVE YOU HEARD? People “HAVEYOURAVE” 50THB off every order


8_dncxtr.jpg

8 : ชาลี - ชาลี นิภานันท์ | DCNXTR

สวัสดีครับ ผมชาลี-นิภานันท์ จากวง DCNXTR เป็นหุ้นส่วนของร้าน วัวทองโภชนา homemade restaurant ร้านนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากตอนเที่ยงที่ผมกับหุ้นส่วนอีกคน (คุณป๋วย) ชอบใช้เวลาช่วงพักกลางวันตระเวนหาร้านกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อกัน พอผมและคุณป๋วยออกจากงานประจำก็หันมาเริ่มทำธุรกิจร้านอาหาร โดยเลือกจากประเภทอาหารที่ชอบคล้ายกันซึ่งก็คือก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หลังจากหาข้อมูล ตระเวนดูพื้นที่และพัฒนาสูตรอาหารได้ลงตัวแล้วก็ตัดสินใจเปิด วัวทองโภชนาได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมบ้านเกิดของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง (คุณชิงชิง ภรรยาคุณป๋วย) หรือเมือง Qingdao ประเทศจีน หลายๆ เมนูของทางร้านก็ได้รับอิทธิพลมาจากสูตรอาหารฝีมือของที่บ้านคุณชิงชิง นำมาปรับสูตรปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย

สำหรับผมการทำร้านอาหารไม่ได้แตกต่างจากการทำวงดนตรีมากเท่าไหร่ มีการวางโครงสร้าง มีรสนิยมส่วนตัว มีการหาข้อมูล ตระเตรียม ลงมือทำ ส่วนของวิธีคิดเช่นกัน แต่รูปแบบการนำเสนอจะแตกต่างนิดหน่อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีครับ การทำร้านก็เปรียบเสมือนการได้เปลี่ยนสถานะมาสวมหมวกอีกใบ ทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ๆ เป็นประสบการณ์ที่สามารถนำไปพัฒนาในการทำดนตรีได้ด้วยเช่นกัน สุดท้ายขอฝากร้านวัวทองโภชนา เจริญกรุง 45 เนื้อตุ๋นสไตล์ชิงเต่า ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยครับ


9_lemon soup.jpg

9 : บิว - รังสรรค์ ปัญญาใจ (Lemon soup)

สมัยก่อนย้ายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ครอบครัวผมเปิดร้านลาบเหนือ เราก็ชอบติดสอยห้อยตาม เห็นทุกขั้นตอนทุกวิธีการมาตลอด สิบปีกว่าให้หลัง คนที่บ้านไม่ได้มีใครรับช่วงต่อ ขณะที่เราสนใจทำเพลงก็จะแอบ ๆ ทำเมนูมาให้ชิมตามงานดนตรีที่มีอาหารขายอย่าง cat foodival สนุกดีครับ จนตอนหลังเริ่มเอาน้ำพริกลาบสูตรของที่บ้านมาช่วยขาย คุณแม่จะได้มีอะไรทำแก้เบื่อ พยายามใช้สิ่งที่ผมถนัดอย่างพวกงาน graphic design ต่อยอดให้มูลค่ามันสูงอีก เราคิดว่าอนาคตต้องมีอาชีพที่ 2 รองรับนอกเหนืองานดนตรีเอาไว้ด้วย เลยเลือกจะนำ role-model ของร้านในสไตล์ครอบครัวกลับมาทำ พรีเซนต์ให้คนกรุงเทพฯ เข้าถึงภาพลักษณ์ของร้านลาบแบบภาคเหนือได้ง่ายขึ้น เราอยากเอาสิ่งที่เราชอบกิน หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักว่าอาหารเหนือมีแตกย่อยออกไปอีก บวกกับอยากทำให้มันเป็นร้านนัดเจอเพื่อพบปะกัน

ตอนที่ตัดสินใจจะทำร้าน กำกิ๋นสุก Kamkinsuk ผมพยายามดีไซน์บางส่วนให้ดูสบายตา อีกหน่อยตั้งใจอยากให้เป็นพื้นที่แสดงออกทางดนตรีของน้อง ๆ ศิลปิน เราคิดว่าดนตรีไม่ได้จำกัดแค่ช่วงเวลา “กลางคืน” เพราะมันสามารถไปพร้อมกับการรับประทานอาหารตอนกลางวันได้ จริง ๆ งานอดิเรกของเรามันคือการทำเพลง ฟังเพลง แต่งเพลง แต่พอยกระดับมันขึ้นมาเป็นอาชีพหลักแล้ว ตอนแรกแอบเคว้ง เคยตั้งคำถามกับตัวเองเสมอ งานอดิเรกคืออะไร อะไรที่เราสนใจเป็นอันดับแรก? จนค้นพบว่า พอเรามีเวลาว่าง เราจะชอบทำอาหาร นี่แหล่ะมั้ง ความสนใจอันดับสองอันดับสามในชีวิตที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพหลัก ซวยแล้วสิ อะไรจะเป็นงานอดิเรกต่อไปดีล่ะเนี่ย (ฮา)


10_waltz.jpg

10 : ต่อ - ธิตินนท์ | WALTZ

ตอนนี้ผมทำกิจการร้านไก่ทอด ม่วนจื้น กับรุ่นน้องชื่อเอเจที่จังหวัดลำปางครับ ส่วนตัวชอบทานของทอดมาก กลับเชียงใหม่ทีไรต้องแวะกินหลังโรงเรียนปรินส์ทุกรอบ เวลาออกทัวร์กับเอเลี่ยน (safeplanet) คือเจอของทอดที่ไหนจะเกิดอาการอยากกิน ตระเวนตามจังหวัดต่าง ๆ ก็เลยอยากรู้ว่าไก่ทอดของแต่ละท้องถิ่นเป็นยังไง

ครั้งหนึ่งตอนไปญี่ปุ่น ผมเจอของร้านไก่ทอดแบบ street food เลยแอบปลีกตัวออกไปซื้อ เพื่อนในวง safeplanet เลยสงสัยว่าต่อไปไหนวะ? เราเดินกลับพร้อมมือที่ถือไก่ทอดมาด้วย (หัวเราะ) เอเลี่ยนเลยทักว่า ลองขายไก่ทอดสิ สไตล์ม่วนจื้นอ่ะ จริงๆ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอถึงวันที่ไม่มีงานดนตรีเล่น ก็เลยอยากลองทำอาหารดู ครัวที่บ้านมีอะไรใส่ให้หมด ซอสนี้แทนน้ำตาลได้ ผงปรุงชื่อนี้แปลกดีแฮะ

ผมเคยขายน้ำพริกหนุ่ม-ไก่ย่างมาก่อน แต่ประสบปัญหาไก่ไม่สุก จบเห่สิครับ แอบคิดในใจว่าใช่ทางเราหรือเปล่านะ เลยมีช่วงพักเบรคไปบ้าง แต่สถานการณ์ของโควิดยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่อยากนอนอยู่ห้องเฉย ๆ จังหวะนั้นต้องหาอะไรทำละ เราเลยทักเมสเสจไปหาเอเจจากวง Raccoon ชวนเขามาทำร้านอาหารด้วยกัน ลองเรียนรู้วิธีหมัก วิธีทอด รู้สึกมีชีวิตชีวาดี เหมือนเราเจอสิ่งที่ใช่และเป็นตัวเรา ถึงเหนื่อยก็มีความสุขมากๆ ผมมองว่าช่วงเวลาที่มนุษย์เราสุขกายสบายใจมันมีค่าที่สุดแล้ว ผมกับเอเจย้ายมาตั้งร้านไก่ทอดอยู่แถววัดเชตวัน เมืองลำปาง แวะมาหากันนะครับ การันตีความอร่อยของไก่ทอดคลุกน้ำจิ้มแบบม่วนใจ๋!

 

THE LATEST

Previous
Previous

HOMESHAKE - UNDER THE WEATHER [upcoming release]

Next
Next

#HYHTHROWBACK : PHOENIX